Center of Excellence Electrochemistry
& Corrosion Technology (CoE-ECT)
คณะผู้ดำเนินโครงการ
เกี่ยวกับศูนย์ CoE-ECT
ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence in Electrochemistry and Corrosion Technology: CoE-ECT) ภายใต้สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับศักยภาพของห้องปฏิบัติการทดสอบทางเคมีไฟฟ้าและการกัดกร่อนของประเทศให้ได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค โดยมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมพลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการพัฒนาห้องปฏิบัติการให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การลงทุนด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ
ครุภัณฑ์ที่สำคัญของศูนย์ CoE-ECT ประกอบด้วยเครื่องวิเคราะห์ทางเคมีไฟฟ้าแบบหลายช่องสัญญาณ (Potentiostat /Galvanostat), เครื่องทดสอบการกัดกร่อนในสภาวะอุณหภูมิและแรงดันสูง, ระบบทดสอบสารยับยั้งการกัดกร่อนชนิดระเหย (VCI), เครื่องมือทดสอบการกัดกร่อนที่อุณหภูมิสูง, และระบบเสริมสำหรับการเตรียมและตรวจสอบตัวอย่างที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ASTM และ NACE ครุภัณฑ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์เชิงลึกและการให้บริการแก่อุตสาหกรรมในรูปแบบที่สามารถแข่งขันกับห้องปฏิบัติการในต่างประเทศได้
ผลการดำเนินงานที่สำเร็จในปี พ.ศ. 2568 ได้แก่ วิธีการทดสอบทางเคมีไฟฟ้า 2 วิธีที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) จำนวน 2 ฉบับกับ Universiti Teknologi PETRONAS และ Universiti Teknologi MARA การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งนักศึกษาปริญญาตรี โท และเอก รวม 19 คน โครงการบริการทดสอบและวิจัยร่วมกับอุตสาหกรรม 18 บริษัท การจัดฝึกอบรมเผยแพร่ความรู้ 6 ครั้ง มีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 282 คน และสร้างรายได้จากการให้บริการศูนย์จำนวน 6,635,300 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการทดสอบเชิงลึกด้านการกัดกร่อน และตีพิมพ์เผยแพร่ในระดับนานาชาติ 6 ผลงาน
โดยสรุป ศูนย์ CoE-ECT จะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นหน่วยงานทดสอบและวิจัยระดับภูมิภาค สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ ผลิตบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และตอบโจทย์การแก้ปัญหาการกัดกร่อนในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจในระยะยาว
พิธีเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดตัว ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (CoE-ECT) อย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุม Cloud 9 อาคาร STRI ชั้น 9 มจพ. เพื่อเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านการวิจัย การทดสอบมาตรฐาน และการพัฒนานวัตกรรมในการป้องกันการกัดกร่อน โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ โดยกล่าวถึงความสำคัญของการป้องกันการกัดกร่อนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ศาสตราจารย์ ดร. สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มจพ. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมในการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ หัวหน้าโครงการ ได้รายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยระบุว่าโครงการนี้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานการวิจัยด้านการกัดกร่อนกว่า 30 ปี ของฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน สถาบันนวัตกรรมไทย-ฝรั่งเศส (TFII) มจพ. ขอขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science & Technology Development: ST) และโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University Program) ที่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น
ศูนย์ CoE-ECT ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ Universiti Teknologi PETRONAS (UTP) และ Universiti Teknologi MARA (UiTM) ประเทศมาเลเซีย และกำลังขยายความร่วมมือกับ สถาบันวิทยาศาสตร์วัสดุ Vietnam Academy of Science and Technology (VAST) พร้อมเป้าหมายในอนาคตที่จะร่วมมือกับสถาบันในประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา
ในงานยังมีการกล่าวแสดงความยินดีจากเครือข่ายความร่วมมือจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการใหม่ รวมถึงศูนย์วิจัยและทดสอบที่สำคัญอื่น ๆ เช่น TFII-Schneider Electric Center of Excellence และ ศูนย์วิจัยพลังงานทดแทน Renewable Energy Research Center (RERC) ศูนย์ CoE-ECT จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ อุปกรณ์ทันสมัย และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมในอนาคต
ครุภัณฑ์ของศูนย์ CoE-ECT
- เครื่องทดสอบสมบัติทางไฟฟ้าเคมี 4 ช่องสัญญาณ และ 6 ช่องสัญญาณ ครุภัณฑ์ทั้งสองเครื่องใช้สำหรับการทดสอบเชิงไฟฟ้าเคมี เช่น Potentiodynamic Polarization, Electrochemical Impedance Spectroscopy (EIS), Linear Polarization Resistance (LPR)
เพื่อวิเคราะห์กลไกการกัดกร่อน การเคลือบผิว และประสิทธิภาพของสารยับยั้งการกัดกร่อน เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถทดสอบหลายตัวอย่างพร้อมกัน เพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของข้อมูล (คลิก) - เครื่องวัดการดูดกลืนแสง (UV-Vis Spectrophotometer) ใช้สำหรับการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีในสารละลาย เช่น การตรวจสอบความเข้มข้นของสารยับยั้งการกัดกร่อนและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากปฏิกิริยาการกัดกร่อน เป็นเครื่องมือเสริมที่ช่วยยืนยันผลจากการทดสอบไฟฟ้าเคมี(คลิก)
- อ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิแบบน้ำวน จำนวน 2 ชุด ใช้ควบคุมอุณหภูมิสารละลายและตัวอย่างในการทดสอบ เพื่อให้การทดลองมีความเสถียรและใกล้เคียงกับสภาวะจริงในภาคอุตสาหกรรม เช่น การทดสอบวัสดุที่ใช้งานในสภาวะแวดล้อมอุณหภูมิสูงหรือต้องการการควบคุมที่แม่นยำ(คลิก)
- เครื่องแก้วสำหรับทดสอบ Corrosion Inhibitor และ Volatile Corrosion Inhibitor เป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเตรียมและทดสอบสมรรถนะของสารเคมีที่ใช้ยับยั้งการกัดกร่อนทั้งในรูปแบบละลายและระเหย เหมาะสำหรับการพัฒนาสารใหม่เพื่อลดการกัดกร่อนในงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการเก็บรักษาบรรจุภัณฑ์โลหะ(คลิก)
- ขั้วไฟฟ้าสำหรับงานทดสอบเฉพาะกระป๋องบรรจุอาหาร ประกอบด้วย Button Electrode, Reference Electrode และ Counter Electrode ออกแบบเฉพาะสำหรับงานวิจัยและการทดสอบความทนทานการกัดกร่อนของกระป๋องอาหารและเครื่องดื่ม เป็นประโยชน์ต่อการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค(คลิก)
- ระบบตู้ดูดไอสารเคมี (Fume Hood) เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่ใช้ป้องกันการฟุ้งกระจายของไอสารเคมีระหว่างการทดลอง ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับนักวิจัยและนักศึกษา(คลิก)
การดำเนินงานเพื่อการรับรองมาตรฐาน ISO17025
ศูนย์ฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรสำหรับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 โดยมีการจัดอบรมรวมทั้งหมด 7 ครั้ง ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น การตรวจติดตามคุณภาพภายในห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025, การทวนสอบเครื่องมือวัด, การตีความและประยุกต์ใช้ผลการสอบเทียบเพื่อควบคุมคุณภาพ, การจัดการความเสี่ยงสำหรับห้องปฏิบัติการ, และการประเมินค่าความไม่แน่นอนของผลทดสอบ นอกจากนี้บุคลากรยังเข้าร่วมอบรมกับสถาบันวิจัยและสถาบันมาตรวิทยา เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในความสามารถของบุคลากรในการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดของ ISO/IEC 17025
ความร่วมมือระดับนานาชาติและการพัฒนาเครือข่าย
เมื่อวันที่ 21–23 มกราคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ได้เดินหน้าสร้าง เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน โดยนำทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าเยี่ยมชมและหารือกับ Center for Corrosion Research, Universiti Teknologi Petronas และ InCORE Laboratory, Universiti Teknologi MARA (UiTM) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และขยายขอบเขตความร่วมมือในอนาคต ทั้งนี้ โครงการได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
การสร้างความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศฯ ให้เป็น ศูนย์ทดสอบและวิจัยระดับมาตรฐานสากล ที่สามารถตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและบรรจุภัณฑ์โลหะ พร้อมทั้งขยายโอกาสในการให้บริการเชิงพาณิชย์ในตลาดต่างประเทศ
กิจกรรมฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี
- เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 สถาบันฯ จัด สัมมนาทางวิชาการ Cathodic Corrosion Protection Workshop โดย ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ กล่าวต้อนรับและเปิดงาน วิทยากรประกอบด้วย นพรัต กาญจนประยุธ และ Mr. Asokan P. Pillai จาก GreenScience Technologies (Thailand) Ltd. งานนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีการป้องกันการกัดกร่อนด้วยวิธี Cathodic Protection
2. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 สถาบันฯ ฝึกอบรมโครงการพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรมให้นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (วทอ.) เรื่อง การตรวจสอบการกัดกร่อนด้วยวิธีเคมีไฟฟ้า (Electrochemical Method for Corrosion Testing) ณ ห้องฝึกอบรมและห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีการกัดกร่อน
3. เมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2568 สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส โดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence Electrochemistry & Corrosion Technology : CoE-ECT) ฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้จัด สัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ “Corrosion Control and Cathodic Protection” ให้กับคณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก Mongkol Mahavongtrakul, P.E., NACE Cathodic Protection Specialist มาบรรยายและให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ การควบคุมการกัดกร่อน (Corrosion Control) และ การป้องกันการกัดกร่อนแบบแคโทดิก (Cathodic Protection) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในอุตสาหกรรมท่อส่งน้ำมันและก๊าซ รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การบรรยายมุ่งเน้นทั้งด้านทฤษฎีและกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้งานจริง เช่น การติดตั้งระบบ Cathodic Protection เพื่อยืดอายุการใช้งานของวัสดุโลหะ การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมที่ส่งผลต่อการกัดกร่อน และเทคนิคการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบป้องกัน
4. การประชุมวิชาการนานาชาติ 2nd Joint Workshop on Advanced Materials โดยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ 2nd Joint Workshop on Advanced Materials โดยในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเปิดงาน และ ศ.ดร.สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มจพ. กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม
การจัดงานครั้งนี้ สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพร่วม ได้แสดงศักยภาพของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence Electrochemistry & Corrosion Technology : CoE-ECT) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัยขั้นสูงสำหรับการวิเคราะห์ ทดสอบ และพัฒนาวัสดุที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนสำหรับภาคอุตสาหกรรม
ในงานนี้ รองศาสตราจารย์ ศิริพร ดาวพิเศษ ที่ปรึกษาสถาบันและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้รับเชิญเป็นวิทยากร นำเสนอองค์ความรู้ด้านเทคนิค เคมีไฟฟ้า (Electrochemical Techniques) เพื่อประเมินคุณภาพบรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาวัสดุทนทานต่อสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานในประเทศไทยและภูมิภาค การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 4 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ Tsinghua University (จีน), National University of Singapore (สิงคโปร์), Queensland University of Technology (ออสเตรเลีย) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (ไทย) โดยเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายวิจัย และส่งเสริมศักยภาพของ มจพ. และสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมศาสตร์และวัสดุศาสตร์ของภูมิภาค
สรุปผลลัพธ์ของโครงการ
การพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศฯ CoE-ECT และได้จัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นเพิ่มเติมละปรับปรุงพื้นที่ให้ได้มาตรฐาน พร้อมรับการตรวจประเมิน ISO17025 ในเดือน ต.ค. 68 เพื่อยกระดับให้เป็นหน่วยงานวิจัยที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร รองรับการวิจัยและทดสอบวัสดุในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
การสร้างเครือข่ายนานาชาติ – ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยชั้นนำในมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ทำให้ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ก้าวสู่การรับรองมาตรฐานสากล และสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับนานาชาติ มีการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี – พัฒนาทักษะวิศวกรและนักศึกษา ตลอดจนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมด้านเทคนิคเคมีไฟฟ้า การทดสอบการกัดกร่อน และการป้องกันการกัดกร่อนเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการจัดประชุมและเวทีวิชาการ – เสริมสร้างองค์ความรู้ การวิจัย และการพัฒนาวิทยาศาสตร์วัสดุและเคมีไฟฟ้า พร้อมเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา
ในปีงบประมาณ 2568 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้ดำเนินการให้บริการด้านการทดสอบ การวิจัย และการให้คำปรึกษาทางวิชาการแก่ภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 31 โครงการ จาก 18 บริษัท ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรมยานยนต์และวิศวกรรมขั้นสูง สามารถสร้างมูลค่าการให้บริการรวมทั้งสิ้น 6,635,300 บาท
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้บริการในวงกว้าง ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าร่วมหลายโครงการด้านการทดสอบสมรรถนะของสารยับยั้งการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor Testing) และโครงการวิจัยเชิงลึกเพื่อประเมินประสิทธิภาพของสารยับยั้งการกัดกร่อนแบบระเหย (Volatile Corrosion Inhibitors) รวมงบประมาณกว่า 5,246,000 บาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของศูนย์ฯ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเลียม ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมด้านเภสัชภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท ไทยยูโรโค๊ต จำกัด ได้ใช้บริการทดสอบทางไฟฟ้าเคมี (AC/DC/AC Testing, Potentiostatic, Chronopotentiometry)
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัท สมาร์ท แอนด์ ไบร์ท จำกัด และบริษัท บีแอลไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เข้ารับบริการทดสอบมอร์ตาร์ควบคุมการกัดกร่อนของเหล็กโครงสร้างในคอนกรีตตามมาตรฐาน มอก. 3029-2563 รวมถึงบริษัทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เช่น บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ใช้บริการทดสอบ Polarization Resistance และ Corrosion Rate ตามมาตรฐาน IEC 62561-7 รวมหลายรายการ และยังมีผู้ประกอบการอื่น ๆ อาทิ บริษัท บางกอกแคน จำกัด บริษัท ซีัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) และบริษัท Allalloy จำกัด ที่เข้ารับบริการตรวจสอบสมบัติด้านการกัดกร่อนของวัสดุในรูปแบบต่าง ๆ
จากการดำเนินงานตลอดปี ศูนย์ฯ แสดงถึงบทบาทที่สำคัญของศูนย์ฯ ในการเป็นกลไกกลางเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทยในการยกระดับคุณภาพการผลิตและเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งยังเป็นฐานการวิจัยและทดสอบที่เชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม




