Skip to content

สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

flag-button-round-250th-1
flag-button-round-250-1
Screenshot 2567-12-09 at 17.06.49
Menu
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
    • ประวัติความเป็นมา
    • วิสัยทัศน์ พันธกิจ
    • ตราสัญลักษณ์
    • โครงสร้าง
    • ผู้บริหาร/บุคลากร
      • คณะผู้บริหาร
      • สำนักงานผู้อำนวยการ
      • ฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน
      • ฝ่ายเทคโนโลยีงานเชื่อม
      • ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน
      • ฝ่ายวิจัยพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี
      • คอมพิวเตอร์เพื่องานอุตสาหกรรม
      • ฝ่ายระบบการผลิตอัตโนมัติ
    • การรับรองมาตรฐานสากล
    • Company Profile
    • ICOME2024
    • Workshop on Advanced Materials
  • หลักสูตรฝึกอบรม
    • เทคโนโลยีงานเชื่อม
    • เทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน
    • คอมพิวเตอร์เพื่องานอุตสาหกรรม
    • ระบบการผลิตอัตโนมัติ
    • เทคโนโลยีการกัดกร่อน
    • วิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยี
    • งานบริการทดสอบตรวจสอบและสอบเทียบ
    • หลักสูตรฝึกอบรม COE
  • ข่าวสาร/กิจกรรม
    • ข่าวสาร/กิจกรรม
    • ข่าวจัดซื้อ – จัดจ้าง
    • TFII-Newsletter
  • เอกสารเผยแพร่
    • รายงานประจำปี
    • ปฏิทินฝึกอบรม
    • โบชัวร์ TFII
  • ติดต่อเรา
    • แจ้งเรื่องร้องเรียน

COE-ECT

  • Home
  • COE-ECT
Breadcrumb Abstract Shape
Breadcrumb Abstract Shape
Breadcrumb Abstract Shape

Center of Excellence Electrochemistry
& Corrosion Technology (CoE-ECT)

คณะผู้ดำเนินโครงการ

ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ

หัวหน้าโครงการ

รศ. ศิริพร ดาวพิเศษ

ที่ปรึกษา

นายนพรัต กาญจนประยุธ

หัวหน้าห้องปฏิบัติการ

ผศ.ดร. สุพัฒน์ เอี่ยมสุภาพงษ์

นักวิจัย

นายนันทวัฒน์ เกียรติเสรีกุล

นักวิจัย

นายทศพล คงกระพันธ์

วิศวกร

นายอดิศร ระดิ่งหิน

ช่างเทคนิค

นางสาวกาญจนาพร เดชพล

นักวิทยาศาสตร์

เกี่ยวกับศูนย์ CoE-ECT

ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence in Electrochemistry and Corrosion Technology: CoE-ECT) ภายใต้สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับศักยภาพของห้องปฏิบัติการทดสอบทางเคมีไฟฟ้าและการกัดกร่อนของประเทศให้ได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับในระดับภูมิภาค โดยมุ่งตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมพลังงาน ปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์อาหาร เครื่องดื่ม และโครงสร้างพื้นฐาน ผ่านการพัฒนาห้องปฏิบัติการให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 การลงทุนด้านเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทั้งในและต่างประเทศ

ครุภัณฑ์ที่สำคัญของศูนย์ CoE-ECT ประกอบด้วยเครื่องวิเคราะห์ทางเคมีไฟฟ้าแบบหลายช่องสัญญาณ (Potentiostat /Galvanostat), เครื่องทดสอบการกัดกร่อนในสภาวะอุณหภูมิและแรงดันสูง, ระบบทดสอบสารยับยั้งการกัดกร่อนชนิดระเหย (VCI), เครื่องมือทดสอบการกัดกร่อนที่อุณหภูมิสูง, และระบบเสริมสำหรับการเตรียมและตรวจสอบตัวอย่างที่สอดคล้องกับมาตรฐาน ASTM และ NACE ครุภัณฑ์เหล่านี้ช่วยเพิ่มศักยภาพในการวิเคราะห์เชิงลึกและการให้บริการแก่อุตสาหกรรมในรูปแบบที่สามารถแข่งขันกับห้องปฏิบัติการในต่างประเทศได้

ผลการดำเนินงานที่สำเร็จในปี พ.ศ. 2568 ได้แก่ วิธีการทดสอบทางเคมีไฟฟ้า 2 วิธีที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025 ข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) จำนวน 2 ฉบับกับ Universiti Teknologi PETRONAS และ Universiti Teknologi MARA การพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งนักศึกษาปริญญาตรี โท และเอก รวม 19 คน โครงการบริการทดสอบและวิจัยร่วมกับอุตสาหกรรม 18 บริษัท การจัดฝึกอบรมเผยแพร่ความรู้ 6 ครั้ง มีผู้เข้ารับการอบรมกว่า 282 คน และสร้างรายได้จากการให้บริการศูนย์จำนวน 6,635,300 บาท นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่มุ่งเน้นการพัฒนาวิธีการทดสอบเชิงลึกด้านการกัดกร่อน และตีพิมพ์เผยแพร่ในระดับนานาชาติ 6 ผลงาน

โดยสรุป ศูนย์ CoE-ECT จะเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นหน่วยงานทดสอบและวิจัยระดับภูมิภาค สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ ผลิตบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และตอบโจทย์การแก้ปัญหาการกัดกร่อนในเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจในระยะยาว

พิธีเปิดตัวศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) เปิดตัว ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (CoE-ECT) อย่างเป็นทางการ ณ ห้องประชุม Cloud 9 อาคาร STRI ชั้น 9 มจพ. เพื่อเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาคด้านการวิจัย การทดสอบมาตรฐาน และการพัฒนานวัตกรรมในการป้องกันการกัดกร่อน โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.คมกฤต เล็กสกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวเปิดศูนย์อย่างเป็นทางการ โดยกล่าวถึงความสำคัญของการป้องกันการกัดกร่อนที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับความปลอดภัย โครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ศาสตราจารย์ ดร. สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มจพ. กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและพันธมิตรจากประเทศต่าง ๆ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมในการพัฒนาองค์ความรู้และเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ หัวหน้าโครงการ ได้รายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยระบุว่าโครงการนี้พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานการวิจัยด้านการกัดกร่อนกว่า 30 ปี ของฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน สถาบันนวัตกรรมไทย-ฝรั่งเศส (TFII) มจพ. ขอขอบคุณ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โครงการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Science & Technology Development: ST) และโครงการพลิกโฉมมหาวิทยาลัย (Reinventing University Program) ที่เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น

ศูนย์ CoE-ECT ยังมีความร่วมมือระหว่างประเทศอย่างเข้มแข็ง โดยได้ลงนามความร่วมมือ (MOU) กับ Universiti Teknologi PETRONAS (UTP) และ Universiti Teknologi MARA (UiTM) ประเทศมาเลเซีย และกำลังขยายความร่วมมือกับ สถาบันวิทยาศาสตร์วัสดุ Vietnam Academy of Science and Technology (VAST) พร้อมเป้าหมายในอนาคตที่จะร่วมมือกับสถาบันในประเทศฝรั่งเศสและสหรัฐอเมริกา

ในงานยังมีการกล่าวแสดงความยินดีจากเครือข่ายความร่วมมือจากภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม และเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการใหม่ รวมถึงศูนย์วิจัยและทดสอบที่สำคัญอื่น ๆ เช่น TFII-Schneider Electric Center of Excellence และ ศูนย์วิจัยพลังงานทดแทน Renewable Energy Research Center (RERC) ศูนย์ CoE-ECT จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในระดับภูมิภาค ด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศ อุปกรณ์ทันสมัย และบุคลากรผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ความท้าทายของอุตสาหกรรมในอนาคต

ครุภัณฑ์ของศูนย์ CoE-ECT

  1. เครื่องทดสอบสมบัติทางไฟฟ้าเคมี 4 ช่องสัญญาณ และ 6 ช่องสัญญาณ ครุภัณฑ์ทั้งสองเครื่องใช้สำหรับการทดสอบเชิงไฟฟ้าเคมี เช่น Potentiodynamic Polarization, Electrochemical Impedance Spectroscopy (EIS), Linear Polarization Resistance (LPR)
    เพื่อวิเคราะห์กลไกการกัดกร่อน การเคลือบผิว และประสิทธิภาพของสารยับยั้งการกัดกร่อน เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถทดสอบหลายตัวอย่างพร้อมกัน เพิ่มประสิทธิภาพและความถูกต้องของข้อมูล (คลิก)
  2. เครื่องวัดการดูดกลืนแสง (UV-Vis Spectrophotometer) ใช้สำหรับการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีในสารละลาย เช่น การตรวจสอบความเข้มข้นของสารยับยั้งการกัดกร่อนและผลิตภัณฑ์ที่เกิดจากปฏิกิริยาการกัดกร่อน เป็นเครื่องมือเสริมที่ช่วยยืนยันผลจากการทดสอบไฟฟ้าเคมี(คลิก)
  3. อ่างน้ำควบคุมอุณหภูมิแบบน้ำวน จำนวน 2 ชุด ใช้ควบคุมอุณหภูมิสารละลายและตัวอย่างในการทดสอบ เพื่อให้การทดลองมีความเสถียรและใกล้เคียงกับสภาวะจริงในภาคอุตสาหกรรม เช่น การทดสอบวัสดุที่ใช้งานในสภาวะแวดล้อมอุณหภูมิสูงหรือต้องการการควบคุมที่แม่นยำ(คลิก)
  4. เครื่องแก้วสำหรับทดสอบ Corrosion Inhibitor และ Volatile Corrosion Inhibitor เป็นชุดอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการเตรียมและทดสอบสมรรถนะของสารเคมีที่ใช้ยับยั้งการกัดกร่อนทั้งในรูปแบบละลายและระเหย เหมาะสำหรับการพัฒนาสารใหม่เพื่อลดการกัดกร่อนในงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและการเก็บรักษาบรรจุภัณฑ์โลหะ(คลิก)
  5. ขั้วไฟฟ้าสำหรับงานทดสอบเฉพาะกระป๋องบรรจุอาหาร ประกอบด้วย Button Electrode, Reference Electrode และ Counter Electrode ออกแบบเฉพาะสำหรับงานวิจัยและการทดสอบความทนทานการกัดกร่อนของกระป๋องอาหารและเครื่องดื่ม เป็นประโยชน์ต่อการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยของบรรจุภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค(คลิก)
  6. ระบบตู้ดูดไอสารเคมี (Fume Hood) เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่ใช้ป้องกันการฟุ้งกระจายของไอสารเคมีระหว่างการทดลอง ลดความเสี่ยงในการปฏิบัติงาน และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับนักวิจัยและนักศึกษา(คลิก)

การดำเนินงานเพื่อการรับรองมาตรฐาน ISO17025

ศูนย์ฯ ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรสำหรับการรับรองมาตรฐานห้องปฏิบัติการ ISO/IEC 17025 โดยมีการจัดอบรมรวมทั้งหมด 7 ครั้ง ครอบคลุมหัวข้อสำคัญ เช่น การตรวจติดตามคุณภาพภายในห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025, การทวนสอบเครื่องมือวัด, การตีความและประยุกต์ใช้ผลการสอบเทียบเพื่อควบคุมคุณภาพ, การจัดการความเสี่ยงสำหรับห้องปฏิบัติการ, และการประเมินค่าความไม่แน่นอนของผลทดสอบ นอกจากนี้บุคลากรยังเข้าร่วมอบรมกับสถาบันวิจัยและสถาบันมาตรวิทยา เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับมาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ถูกต้อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในความสามารถของบุคลากรในการปฏิบัติงานตามข้อกำหนดของ ISO/IEC 17025

ความร่วมมือระดับนานาชาติและการพัฒนาเครือข่าย

เมื่อวันที่ 21–23 มกราคม 2568 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.) ร่วมกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ได้เดินหน้าสร้าง เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน โดยนำทีมผู้เชี่ยวชาญเข้าเยี่ยมชมและหารือกับ Center for Corrosion Research, Universiti Teknologi Petronas และ InCORE Laboratory, Universiti Teknologi MARA (UiTM) เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และขยายขอบเขตความร่วมมือในอนาคต ทั้งนี้ โครงการได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)

การสร้างความร่วมมือในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศฯ ให้เป็น ศูนย์ทดสอบและวิจัยระดับมาตรฐานสากล ที่สามารถตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและบรรจุภัณฑ์โลหะ พร้อมทั้งขยายโอกาสในการให้บริการเชิงพาณิชย์ในตลาดต่างประเทศ

กิจกรรมฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี

  1. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 สถาบันฯ จัด สัมมนาทางวิชาการ Cathodic Corrosion Protection Workshop โดย ผศ.ดร.พรศักดิ์ ศรีสังสิทธิสันติ กล่าวต้อนรับและเปิดงาน วิทยากรประกอบด้วย นพรัต กาญจนประยุธ และ Mr. Asokan P. Pillai จาก GreenScience Technologies (Thailand) Ltd. งานนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคโนโลยีการป้องกันการกัดกร่อนด้วยวิธี Cathodic Protection

2. เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 สถาบันฯ ฝึกอบรมโครงการพัฒนาทักษะด้านวิศวกรรมให้นักศึกษาวิทยาลัยเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (วทอ.) เรื่อง การตรวจสอบการกัดกร่อนด้วยวิธีเคมีไฟฟ้า (Electrochemical Method for Corrosion Testing) ณ ห้องฝึกอบรมและห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีการกัดกร่อน

3. เมื่อวันที่ 24-25 กรกฎาคม 2568 สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส โดย ศูนย์ความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence Electrochemistry & Corrosion Technology : CoE-ECT) ฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้จัด สัมมนาทางวิชาการในหัวข้อ “Corrosion Control and Cathodic Protection” ให้กับคณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ โดยสัมมนาครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก Mongkol Mahavongtrakul, P.E., NACE Cathodic Protection Specialist มาบรรยายและให้ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับ การควบคุมการกัดกร่อน (Corrosion Control) และ การป้องกันการกัดกร่อนแบบแคโทดิก (Cathodic Protection) ซึ่งเป็นเทคนิคสำคัญในอุตสาหกรรมท่อส่งน้ำมันและก๊าซ รวมถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมี การบรรยายมุ่งเน้นทั้งด้านทฤษฎีและกรณีศึกษาการประยุกต์ใช้งานจริง เช่น การติดตั้งระบบ Cathodic Protection เพื่อยืดอายุการใช้งานของวัสดุโลหะ การวิเคราะห์สภาวะแวดล้อมที่ส่งผลต่อการกัดกร่อน และเทคนิคการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบป้องกัน

4. การประชุมวิชาการนานาชาติ 2nd Joint Workshop on Advanced Materials โดยเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ 2nd Joint Workshop on Advanced Materials โดยในพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กล่าวเปิดงาน และ ศ.ดร.สมฤกษ์ จันทรอัมพร รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มจพ. กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุม

การจัดงานครั้งนี้ สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ในฐานะเจ้าภาพร่วม ได้แสดงศักยภาพของ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน (Center of Excellence Electrochemistry & Corrosion Technology : CoE-ECT) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัยขั้นสูงสำหรับการวิเคราะห์ ทดสอบ และพัฒนาวัสดุที่สามารถต้านทานการกัดกร่อนสำหรับภาคอุตสาหกรรม

ในงานนี้ รองศาสตราจารย์ ศิริพร ดาวพิเศษ ที่ปรึกษาสถาบันและผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้รับเชิญเป็นวิทยากร นำเสนอองค์ความรู้ด้านเทคนิค เคมีไฟฟ้า (Electrochemical Techniques) เพื่อประเมินคุณภาพบรรจุภัณฑ์อาหาร และการพัฒนาวัสดุทนทานต่อสภาพแวดล้อมการใช้งานจริง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานในประเทศไทยและภูมิภาค การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุศาสตร์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ 4 ประเทศเข้าร่วม ได้แก่ Tsinghua University (จีน), National University of Singapore (สิงคโปร์), Queensland University of Technology (ออสเตรเลีย) และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (ไทย) โดยเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างเครือข่ายวิจัย และส่งเสริมศักยภาพของ มจพ. และสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส ในการก้าวสู่ความเป็นผู้นำด้านวิศวกรรมศาสตร์และวัสดุศาสตร์ของภูมิภาค

สรุปผลลัพธ์ของโครงการ

การพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศฯ CoE-ECT และได้จัดหาครุภัณฑ์ที่จำเป็นเพิ่มเติมละปรับปรุงพื้นที่ให้ได้มาตรฐาน พร้อมรับการตรวจประเมิน ISO17025 ในเดือน ต.ค. 68 เพื่อยกระดับให้เป็นหน่วยงานวิจัยที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร รองรับการวิจัยและทดสอบวัสดุในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี บรรจุภัณฑ์โลหะ และอุตสาหกรรมอื่น ๆ 

การสร้างเครือข่ายนานาชาติ – ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและศูนย์วิจัยชั้นนำในมาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และจีน ทำให้ศูนย์ความเป็นเลิศฯ ก้าวสู่การรับรองมาตรฐานสากล และสามารถถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับนานาชาติ มีการฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี – พัฒนาทักษะวิศวกรและนักศึกษา ตลอดจนบุคลากรภาคอุตสาหกรรมด้านเทคนิคเคมีไฟฟ้า การทดสอบการกัดกร่อน และการป้องกันการกัดกร่อนเชิงปฏิบัติการ รวมถึงการจัดประชุมและเวทีวิชาการ – เสริมสร้างองค์ความรู้ การวิจัย และการพัฒนาวิทยาศาสตร์วัสดุและเคมีไฟฟ้า พร้อมเชื่อมโยงภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา

ในปีงบประมาณ 2568 ศูนย์ความเป็นเลิศด้านเคมีไฟฟ้าและเทคโนโลยีการกัดกร่อน ได้ดำเนินการให้บริการด้านการทดสอบ การวิจัย และการให้คำปรึกษาทางวิชาการแก่ภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 31 โครงการ จาก 18 บริษัท ครอบคลุมอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท อาทิ อุตสาหกรรมปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติ อุตสาหกรรมเคมีและปิโตรเคมี อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์โลหะ อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรมยานยนต์และวิศวกรรมขั้นสูง สามารถสร้างมูลค่าการให้บริการรวมทั้งสิ้น 6,635,300 บาท

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการใช้บริการในวงกว้าง ได้แก่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าร่วมหลายโครงการด้านการทดสอบสมรรถนะของสารยับยั้งการกัดกร่อน (Corrosion Inhibitor Testing) และโครงการวิจัยเชิงลึกเพื่อประเมินประสิทธิภาพของสารยับยั้งการกัดกร่อนแบบระเหย (Volatile Corrosion Inhibitors) รวมงบประมาณกว่า 5,246,000 บาท แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของศูนย์ฯ ในการสนับสนุนอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเลียม ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมด้านเภสัชภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์อาหาร เช่น บริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด และบริษัท ไทยยูโรโค๊ต จำกัด ได้ใช้บริการทดสอบทางไฟฟ้าเคมี (AC/DC/AC Testing, Potentiostatic, Chronopotentiometry)

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เช่น บริษัท สมาร์ท แอนด์ ไบร์ท จำกัด และบริษัท บีแอลไทย อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เข้ารับบริการทดสอบมอร์ตาร์ควบคุมการกัดกร่อนของเหล็กโครงสร้างในคอนกรีตตามมาตรฐาน มอก. 3029-2563 รวมถึงบริษัทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า เช่น บริษัท คัมเวล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ใช้บริการทดสอบ Polarization Resistance และ Corrosion Rate ตามมาตรฐาน IEC 62561-7 รวมหลายรายการ และยังมีผู้ประกอบการอื่น ๆ อาทิ บริษัท บางกอกแคน จำกัด บริษัท ซีัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) และบริษัท Allalloy จำกัด ที่เข้ารับบริการตรวจสอบสมบัติด้านการกัดกร่อนของวัสดุในรูปแบบต่าง ๆ

จากการดำเนินงานตลอดปี ศูนย์ฯ แสดงถึงบทบาทที่สำคัญของศูนย์ฯ ในการเป็นกลไกกลางเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมไทยในการยกระดับคุณภาพการผลิตและเพิ่มความน่าเชื่อถือในระดับสากล ทั้งยังเป็นฐานการวิจัยและทดสอบที่เชื่อมโยงองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยสู่การใช้งานจริงในภาคอุตสาหกรรม

ดาวน์โหลดไฟล์โบชัวร์ของศูนย์ CoE-ECT
สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ

Add: 1518 ถนนประชาราษฎร์ 1 แขวงวงศ์สว่าง
เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร
Call: 062 509 7983
Email: customers@tfii.kmutnb.ac.th

Facebook Youtube Ri-line-line

หลักสูตรฝึกอบรม

  • ฝ่ายเทคโนโลยีงานเชื่อม
  • ฝ่ายเทคโนโลยีไฟฟ้าและพลังงาน
  • ฝ่ายคอมพิวเตอร์เพื่องานอุตสาหกรรม
  • ฝ่ายระบบการผลิตอัตโนมัติ
  • ฝ่ายเทคโนโลยีการกัดกร่อน
  • ฝ่ายวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยี
  • งานบริการทดสอบตรวจสอบและสอบเทียบ
  • หลักสูตรฝึกอบรม COE

สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์

© สงวนลิขสิทธิ์2025 สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย–ฝรั่งเศส | นโยบายความเป็นส่วนตัว | นโยบายการใช้คุกกี้
สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศสสถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีไทย-ฝรั่งเศส
เราใช้คุกกี้ (cookie) เพื่อพัฒนาประสบการณ์การใช้งานจากการเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราและเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพในการนำเสนอข้อมูลและ เนื้อหาต่างๆ ที่ผู้เข้าใช้งานจะได้รับชมยอมรับPrivacy policy